ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
main content, press tab to continue
บทความ

การมีบริษัทรับประกันภัยในอาณัติจะช่วยสนับสนุนแนวคิดการยอมรับความแตกต่างและความหลากหลายได้อย่างไรบ้าง

โดย Tom Levi และ Stephanie Ings | 18 July 2023

การมีบริษัทรับประกันภัยในอาณัติจะช่วยให้องค์กรขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินธุรกิจในหลายประเทศสามารถควบคุมและจัดการด้านผลประโยชน์พนักงานได้ตรงตามความต้องการและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Health and Benefits
N/A

ปัจจุบันมีองค์กรหรือบริษัทขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินธุรกิจในหลายประเทศที่เลือกใช้บริษัทรับประกันภัยในอาณัติในการทำหน้าที่ต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่เพียงในส่วนของการคุ้มครองผลประโยชน์พนักงานตามกรมธรรม์ประกันภัยเท่านั้น แต่ยังช่วยให้บริษัทควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับผลประโยชน์พนักงานและมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรูปแบบการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนด้วย ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นในช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมาและน่าจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต โดยคาดว่าจะมีการนำเอาบริษัทรับประกันภัยในอาณัติมาใช้ทำหน้าที่คุ้มครองผลประโยชน์พนักงานตามกรมธรรม์ประกันภัยมากกว่าที่เคยเป็นมา

โดยแนวโน้มล่าสุดที่บรรดาองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลกหันมาใช้บริษัทรับประกันภัยในอาณัติของตัวเองเพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนและช่วยกระตุ้นการขับเคลื่อนเป้าหมายด้านการส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการยอมรับความแตกต่าง (DEI) ขององค์กร ซึ่งปัจจุบัน การดำเนินการตามเป้าหมายด้าน DEI ถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กร โดยผู้บริหารขององค์กรเองก็ให้ความสนใจและมุ่งเน้นในเรื่องนี้มากขึ้น และสำหรับองค์กรขนาดใหญ่บางแห่งนั้น การดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายด้าน DEI ได้กลายเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้มีการตัดสินใจเลือกใช้หรือจัดตั้งบริษัทรับประกันภัยในอาณัติของตัวเองขึ้นมาทำหน้าที่ดังกล่าว

บริษัทรับประกันภัยในอาณัติจะช่วยให้องค์กรของคุณดำเนินการตามเป้าหมายด้าน DEI ให้สำเร็จอย่างไรได้บ้าง เราสรุปประเด็นหลัก ๆ ไว้แล้ว ดังนี้

บริษัทรับประกันภัยในอาณัติช่วยให้องค์กรควบคุมความเสี่ยงตามกรมธรรม์ประกันภัยได้ดียิ่งขึ้น

บริษัทรับประกันภัยในอาณัติ หมายถึง บริษัทในเครือขององค์กรขนาดใหญ่ที่มีการดำเนินธุรกิจในหลายประเทศทั่วโลก โดยจัดตั้งขึ้นมาเพื่อรักษาความเสี่ยงของกลุ่มองค์กรภายใต้ขอบเขตโครงสร้างของการประกันภัย เรียกสั้น ๆ ว่าเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่รักษาความเสี่ยงตามกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งในอดีตองค์กรขนาดใหญ่ต่างเคยมอบหมายให้บริษัทประกันภัยจากภายนอกเป็นผู้ทำหน้าที่แทนนั่นเอง

เหตุผลที่ทำให้องค์กรขนาดใหญ่เลือกที่จะจัดตั้งบริษัทในเครือขึ้นมาทำหน้าที่นี้มีหลายประการด้วยกัน แต่เหตุผลหลัก ๆ คือการที่องค์กรสามารถควบคุมความเสี่ยงตามกรมธรรม์ประกันภัยได้มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งช่วยให้องค์กรมีอำนาจในการต่อรองข้อกำหนดและเงื่อนไขของรายละเอียดความเสี่ยงที่ได้รับความคุ้มครอง เนื่องจากในที่สุดแล้วนั้นถือเป็นความเสี่ยงที่องค์กรต้องเป็นผู้รับผิดชอบและไม่ได้เป็นความรับผิดชอบของบริษัทประกันภัยจากภายนอกอีกต่อไปนั่นเอง

ด้วยโครงสร้างของการเป็นบริษัทรับประกันภัยในอาณัติ องค์กรขนาดใหญ่ยังกำหนดราคาหรือต้นทุนค่าใช้จ่ายของความเสี่ยง (เบี้ยประกันภัยที่ชำระ) ภายในขอบเขตพารามิเตอร์เองได้ด้วย ซึ่งส่งผลทำให้องค์กรเป็นผู้ตัดสินใจได้เองว่าจะเปลี่ยนแปลงราคาให้เหมาะสมกับเงื่อนไขผลประโยชน์ที่อยู่ในโครงสร้างบริษัทรับประกันภัยในอาณัติหรือไม่ หรืออย่างไรบ้างนั่นเอง

บริษัทรับประกันภัยในอาณัติส่งเสริมการดำเนินการตามเป้าหมายด้าน DEI ด้วยข้อเสนอผลประโยชน์ที่คำนึงถึงพนักงานทุกกลุ่ม

การใช้บริษัทรับประกันภัยในอาณัติยังช่วยสนับสนุนการดำเนินการตามเป้าหมายด้าน DEI ได้ด้วย เนื่องจากองค์กรสามารถกำหนดข้อเสนอที่มุ่งเน้นผลประโยชน์ที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของพนักงานได้ครบทุกกลุ่ม ซึ่งในบางประเทศ หากดูในเรื่องของผลประโยชน์พนักงานบางอย่างแล้วนั้น จะพบว่ากรมธรรม์ประกันภัยส่วนใหญ่จะมีการกำหนดข้อยกเว้นหรือเงื่อนไขโดยทั่วไปที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มพนักงานบางกลุ่มมากกว่าพนักงานกลุ่มอื่น ๆ (เช่น กลุ่มพนักงานที่เป็นผู้อยู่ร่วมกับเอชไอวี กลุ่มพนักงานที่มีปัญหาทางสุขภาพจิตที่เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย กลุ่มพนักงานที่เป็นผู้สูงอายุ) นอกจากนี้ คำว่า “ผู้อยู่ในความอุปการะ” ถูกนิยามความหมายค่อนข้างแคบและจำกัด ซึ่งหมายความว่าลักษณะโครงสร้างครอบครัวบางประเภท (เช่น ครอบครัวที่คู่ครองเป็นเพศเดียวกัน บุตรที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรมของคู่ครอง) จะไม่มีสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองในฐานะผู้อยู่ในความอุปการะ

การมีบริษัทรับประกันภัยในอาณัติของตัวเองยังช่วยให้องค์กรมีอำนาจในการควบคุมเงื่อนไขรายละเอียดด้านผลประโยชน์พนักงานด้วย โดยในหลายกรณีนั้น พบว่าองค์กรมีอำนาจในการตัดสินใจที่จะถอดถอนข้อยกเว้นบางประการ หรือแม้กระทั่งขยายขอบเขตคำนิยามของคุณสมบัติบางประการ เพื่อกำจัดแนวทางปฏิบัติที่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือที่ไม่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของพนักงานได้ครบทุกกลุ่ม

นอกจากนี้ การมีบริษัทรับประกันภัยในอาณัติของตัวเองยังช่วยให้องค์กรพัฒนาปรับปรุงโปรแกรมด้านผลประโยชน์พนักงานที่นำเสนอภายใต้แผนการรักษาพยาบาลแบบกลุ่มให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นได้ เช่น องค์กรสามารถเพิ่มหรือขยายข้อจำกัดของความครอบคลุมด้านการรักษาต่อปีได้ นอกจากนี้ องค์กรยังสามารถเพิ่มผลประโยชน์ด้านอื่นในแผนการรักษาพยาบาลเพื่อประโยชน์ของพนักงานได้ โดยเฉพาะผลประโยชน์ที่บริษัทรับประกันหลายแห่งในภูมิภาคไม่ได้นำเสนอไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยทั่วไป เช่น ผลประโยชน์ด้านการดูแลรักษาสุขภาพของคนข้ามเพศ

รูปแบบการทำงานของบริษัทรับประกันภัยในอาณัติมีอะไรบ้าง

บริษัทรับประกันภัยในอาณัติส่วนใหญ่จะทำงานร่วมกันกับเครือข่ายบริษัทรับประกันภัยในอาณัติเดียวกัน ทั้งแบบเครือข่ายเดียวหรือแบบหลายเครือข่าย ซึ่งต่างเป็นเครือข่ายบริษัทประกันภัยทั่วโลกที่มีการกำหนดโครงสร้างบริษัท การบริหารจัดการ และการโอนเงินเบี้ยประกันจากบริษัทแม่สู่บริษัทรับประกันภัยในอาณัติ เพื่อให้บริษัทรับประกันภัยในอาณัติดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง นอกจากนี้ เครือข่ายบริษัทรับประกันภัยในอาณัติยังทำงานร่วมกับบริษัทพันธมิตรด้านการประกันภัยในภูมิภาคเดียวกันเพื่อให้ความคุ้มครองด้านการประกันภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

หากต้องการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดหรือคุณสมบัติเกี่ยวกับผลประโยชน์พนักงาน บริษัทพันธมิตรด้านการประกันภัยในภูมิภาคจะต้องทำการปรับเปลี่ยนสัญญาการประกันภัยของตัวเองให้สอดคล้องกับของนิติบุคคลหรือบริษัทลูกขององค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคดังกล่าว (เช่น การถอดถอนข้อยกเว้นเกี่ยวกับกรณีที่มีการฆ่าตัวตาย หรือการขยายคำจำกัดความของคู่สมรสให้ครอบคลุมรวมถึงคู่ครองที่ยังไม่ได้แต่งงานด้วย เป็นต้น) แต่อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่องค์กรมีการว่าจ้างบริษัทรับประกันภัยจากภายนอกให้เป็นผู้คุ้มครองผลประโยชน์พนักงานแต่เพียงผู้เดียว (โดยที่ไม่มีบริษัทรับประกันภัยในอาณัติ) บริษัทรับประกันภัยในภูมิภาคแห่งดังกล่าวอาจปฏิเสธที่จะปรับเปลี่ยนเงื่อนไข ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเพราะการปรับเปลี่ยนดังกล่าวอาจไม่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของการรับประภัยในภูมิภาคแห่งนั้น หรือบริษัทรับประกันภัยอาจมองว่าความเสี่ยงนั้นสูงเกินไป หรืออาจเป็นเพราะบริษัทที่รับประกันภัยอาจจะไม่รู้ว่าจะต้องตั้งราคาอย่างไรก็ได้

แต่ในกรณีที่องค์กรเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสี่ยงนั้นเอง (และเป็นผู้กำหนดราคาด้วย) การตัดสินใจทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับองค์กร และบทบาทของบริษัทรับประกันภัยมีเพียงการบริหารจัดการเงื่อนไขต่าง ๆ เท่านั้น

ดังนั้น การมีบริษัทรับประกันภัยในอาณัติของตัวเองจึงช่วยให้องค์กรดำเนินการตามเป้าหมายด้าน DEI ได้สำเร็จ เพราะบริษัทรับประกันภัยเจ้าอื่นอาจเลือกที่จะไม่เปลี่ยนแปลงเงื่อนไข หรืออาจเรียกเบี้ยประกันภัยในราคาที่สูงมากจนจ่ายไม่ไหว นอกจากนี้ การมีบริษัทรับประกันภัยในอาณัติของตัวเองก็อาจมีข้อจำกัดบางประการเหมือนกัน โดยเฉพาะในด้านกฎระเบียบหรือกฎหมายภายในประเทศ เช่น ในบางประเทศก็ไม่สามารถที่จะนิยามคำว่า “ผู้อยู่ในความอุปการะ” ให้ครอบคลุมถึงคู่ครองเพศเดียวกันได้ เนื่องจากการมีคู่ครองเพศเดียวกันถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายของประเทศนั้น เป็นต้น

บริษัทรับประกันภัยในอาณัติและการดำเนินตามเป้าหมายด้าน DEI

ปัจจุบันมีองค์กรขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจในหลายประเทศจำนวนมากขึ้นที่เลือกใช้บริษัทรับประกันภัยในอาณัติของตัวเองที่มีอยู่ หรือที่ต้องการจัดตั้งบริษัทรับประกันขึ้นมาใหม่ เพื่อช่วยให้องค์กรดำเนินการตามเป้าหมายด้าน DEI ได้สำเร็จและมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น การจะนำรูปแบบบริษัทรับประกันภัยในอาณัติมาใช้ดำเนินการด้านผลประโยชน์ของพนักงานเพื่อให้ประสบผลลัพธ์ตามเป้าหมายด้าน DEI จะต้องมีการดำเนินการอยู่สองระยะด้วยกัน ได้แก่

  • ระยะแรก จะต้องถอดถอนข้อยกเว้นบางข้อออกจากสัญญาทุกฉบับที่ทำกับบริษัทรับประกันภัยในอาณัติ โดยข้อยกเว้นที่ถูกถอดถอนออก ได้แก่ ข้อยกเว้นความครอบคลุมกรณีฆ่าตัวตาย การเป็นผู้อยู่ร่วมกับเอชไอวี การแพร่ระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อ และข้อจำกัดด้านผลกระทบจากสงคราม และการยกเลิกการตรวจสุขภาพโดยแพทย์ก่อนรับประกัน
  • กระบวนการในระยะแรก บริษัทรับประกันภัยในอาณัติจะต้องมีการสื่อสารรายละเอียดที่ชัดเจนกับเครือข่ายบริษัทรับประกันภัยในอาณัติของตัวเอง ซึ่งทางเครือข่ายก็จะต้องมีการแจ้งข้อมูลให้บริษัทพันธมิตรประกันภัยในประเทศทำการถอดถอนข้อยกเว้นตามที่ได้ระบุทุกข้อออกจากสัญญาการรับประกันภัยในการต่ออายุครั้งถัดไป และนอกจากการสื่อสารภายในเครือข่ายแล้ว ก็จะต้องมีการสื่อสารกันภายในองค์กร ซึ่งองค์กรใหญ่ก็จะต้องมีการสื่อสารกันกับองค์กรย่อยที่มีการดำเนินธุรกิจในประเทศนั้น ๆ เพื่อให้ทราบถึงการถอดถอนข้อยกเว้นดังกล่าวและเพื่อให้มีการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้จริง

  • ระยะที่สองจะเป็นการขยายสิทธิการรับผลประโยชน์บางประการให้ครอบคลุมกว้างขึ้น ซึ่งรวมถึงการขยายคำจำกัดความของผู้อยู่ในอุปการะตามแผนการรักษาพยาบาล และผู้รับผลประโยชน์ตามแผนประกันชีวิต ซึ่งการที่จะดำเนินการในส่วนนี้ให้ประสบความสำเร็จได้นั้นจะต้องอาศัยการสนับสนุนและการสื่อสารของเครือข่ายบริษัทรับประกันภัยในอาณัติ ซึ่งทางเครือข่ายก็จะต้องมีการสื่อสารกับบริษัทพันธมิตรที่รับประกันภัยในประเทศนั้น ๆ และองค์กรย่อยที่ดำเนินธุรกิจในประเทศก็จะต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้พนักงานได้รับการสื่อสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วย (เช่น มีการจัดทำคู่มือผลประโยชน์พนักงาน มีการสื่อสารข้อมูลและรายละเอียดไปยังพนักงานทุกคนโดยตรง ฯลฯ)
ผู้เขียน

ผู้อำนวยการ ฝ่ายโซลูชั่นด้านการบูรณาการระดับโลก

ผู้อำนวยการ ฝ่ายโซลูชั่นบูรณาการและระดับโลก

Contact us